หนูศัตรูข้าว
หนูในนาข้าวที่สำคัญ มี 7 ชนิด คือ หนูพุกใหญ่ หนูพุกเล็ก หนูนาใหญ่ หนูนาเล็ก หนูท้องขาวบ้าน หนูหริ่งนาหางยาว และ หนูหริ่งนาหางสั้น
ลักษณะการทำลาย
หนูทำให้ข้าวเสียหายตั้งแต่เริ่มปลูก โดยกัดกินเมล็ดข้าวที่งอก เมื่อข้าวเริ่มงอกถึงระยะแตกกอ หนูจะกัดต้นข้าว โดยอาจจะไม่กินข้าวที่กัดนั้นทั้งหมด เมื่อข้าวออกรวง หนูจะกัดกินลำต้นหรือคอรวงให้ขาด แล้วแกะเมล็ดออกจากรวงกิน นอกจากนี้ยังเก็บสะสมรวงข้าวไว้ในรัง เพื่อเป็นอาหารหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว
การป้องกันกำจัดหนูศัตรูข้าว
- การปรับสภาพแวดล้อมบริเวณแปลงนาให้ไม่เหมาะต่อการอาศัยของหนู
- ลดขนาดของคันนาให้เล็ก เพื่อลดที่อยู่อาศัยและที่ผสมพันธุ์ (น้อยกว่า 30 เซนติเมตร)
- กำจัดวัชพืชหรือกองวัสดุเหลือใช้ตามบริเวณคันนาอยู่เสมอ
- การดัก โดยใช้กับดักชนิดต่างๆ
- การขุดหนู สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวที่มีแรงงานและเวลามากพอ
- การล้อมตีหนู ในช่วงหลังจากเก็บเกี่ยว
- การทำรั้วกั้น หรือการล้อมรั้วร่วมกับการใช้ลอบหรือกรงดัก
- การใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น งู นกแสก นกเค้าแมว ช่วยกำจัดหนู
- การใช้เหยื่อโปรโตซัวกำจัดหนู วางในรูหรือทางเดินหนู และควรใช้ภาชนะสำหรับใส่เหยื่อวางจุดละ 2 ก้อน ห่างกัน 10-20 เมตร จำนวน 20-25 ก้อนต่อไร่
การป้องกันกำจัดหนูโดยใช้สารกำจัดหนู
ประเภทของสารกำจัดหนู |
ชื่อสารกำจัดหนู |
วิธีใช้ |
ประเภทออกฤทธิ์เร็ว |
ซิงค์ฟอสไฟด์ หรือ ยาดำ |
* ก่อนปลูกข้าวหรือระหว่างการเตรียมดิน ใช้ผสมกับเหยื่อในอัตราส่วน ยาดำ : เหยื่อ |
ประเภทออกฤทธิ์ช้า |
โฟลคูมาเฟน (สะตอม 0.005%) และ ไดเฟทไทอะโลน (บาราคี 0.005%) |
* ใช้เดือนละ 1 ครั้ง ติดกัน 3 เดือน ห่างจากการใช้ยาดำ 2 สัปดาห์ โดยวางจุดละ |
การป้องกันกำจัดหนูจะประสบความสำเร็จ
หากเกษตรกรร่วมใจกันและกระทำอย่างต่อเนื่อง
ดาวโหลดเอกสาร :
- หนูศัตรูข้าวที่สำคัญในประเทศไทย.PDF
- แนวทางการป้องกันกำจัดหนูในนาข้าวข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ.PDF
สกุลหนูพุก
สกุลหนูพุก (Bandicota sp.) เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวนหนูศัตรูพืช ในประเทศไทย ลักษณะสำคัญ คือ หน้าสั้น ขนหลังสีดำปนเทา หรือดำตลอด ขนท้องสีเทา หางสีดำตลอด ความยาวของหางสั้นกว่าความหัวและลำตัวรวมกัน (และมีเกล็ดหยาบ) หนูพุกชอบส่งเสียงร้องขู่เมื่อพบศัตรูหรือเมื่อจับได้ ชาวบ้านชอบรับประทานเพราะตัวขนาดใหญ่ และเนื้อมาก มี 2 ชนิด คือ หนูพุกใหญ่ และหนูพุกเล็ก
หนูพุกใหญ่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bandicota indica (Beckstein)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่อสามัญอื่น : หนูแผง
หนูพุกใหญ่ (The great bandicoot) มีขนาดใหญ่ที่สุด ตัวเต็มวัยหนัก 200-800 กรัม ส่วนมากพบหนักประมาณ 600 กรัม หน้าสั้น ขนตามลำตัวส่วนหลังมีสีดำ บริเวณด้านหลังช่วงท้ายทอยมีแผงขนสีดำ (ภาพที่ 1) และจะตั้งขึ้นเห็นได้ชัดเมื่อตกใจ เกษตรกรรู้จักในชื่อ “หนูแผง” เสียงขู่ร้องดังมากในลำคอ ตีนหลังมีสีดำและยาวมากกว่า 50 มิลลิเมตร เพศเมีย มีเต้านมที่อก 3 คู่ ที่ท้อง 3 คู่ ขุยดินที่กองหน้าปากรูทางเข้ามีขนาดใหญ่
ภาพที่ 1 หนูพุกใหญ่ Bandicota indica (Beckstein)
ความสำคัญ
พบทั่วประเทศ เป็นศัตรูพืชเศรษฐกิจ และเป็นพาหะหรือรังโรคติดต่อสู่คนและสัตว์เลี้ยง เช่น ฮันต้าไวรัส (Hantaan virus) มิวรีนไทฟัส (murine typhus) เลปโตสไปโรซีส (leptospirosis) เป็นต้น ทำลายข้าวตั้งแต่ระยะปลูกจนถึงระยะเก็บเกี่ยว ชอบขุดรูอาศัยอยู่ตามดงหญ้าคา จอมปลวก คันนาหรือคันคูคลองส่งน้ำ
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
หนูพุกเล็ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bandicota savilei (Thomas)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่อสามัญอื่น : -
หนูพุกเล็ก (lesser bandicoot) ลักษณะทั่วๆ ไปคล้ายหนูพุกใหญ่ แต่มีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักประมาณ 200 กรัม ขนตามลำตัวส่วนหลังสีเทาเข้ม ส่วนด้านท้องสีเทาอ่อน บางครั้งมีขนสีขาวขึ้นแซม ปกติหางมีสีเดียวกันตลอดหาง (ภาพที่ 1) บางท้องที่จะพบปลายหางเป็นสีขาว ตีนหลังจะมีความยาวน้อยกว่า 50 มิลลิเมตร พบทุกภาค มีเสียงร้องขู่เบาๆ ดังน้อยกว่าหนูพุกใหญ่ ขุดรูอาศัยในคันดินหรือตามคันคูคลอง และมีกองขุยดินที่ปากรู
ภาพที่ 1 หนูพุกเล็ก Bandicota savilei (Thomas)
ความสำคัญ
พบมากทางภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นศัตรูพืชเศรษฐกิจ และเป็นพาหะหรือรังโรคติดต่อสู่คนและสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกันกับหนูพุกใหญ่ กัดแทะทำลายข้าวและพืชไร่ตั้งแต่ระยะปลูก ไปจนถึงระยะเก็บเกี่ยว
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
สกุลหนูท้องขาว
สกุลหนูท้องขาว (Rattus sp.) เป็นหนูขนาดกลาง ซึ่งพบเห็นทั่วไปตามบ้าน และไร่-นา สีขนบริเวณท้องมีทั้งสีเทา สีครีมขาว สีครีม และสีเงิน ส่วนขนที่หลังมีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ หรือสีน้ำตาลแดง บางชนิดมีสีเหลืองปนอยู่ด้วย บางชนิดมีสีขาวอมน้ำตาล สกุลหนูท้องขาวที่สำคัญในประเทศไทย และเป็นศัตรูในนาข้าวที่สำคัญ มี 3 ชนิด คือ หนูนาใหญ่ หนูนาเล็ก และหนูท้องขาวบ้าน
หนูนาใหญ่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rattus argentiventer (Robinson and Kloss)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่อสามัญอื่น : หนูนาท้องขาว หนูฝ้าย
หนูนาใหญ่ (ricefield rat) ตัวเต็มวัยมีน้ำหนัก 100 –250 กรัม หางสั้นกว่าหรือเท่ากับความยาวหัวและลำตัวรวมกัน หางมีสีดำตลอด ขนด้านท้องมีสีเงินออกขาว (ภาพที่ 1) ในหนูที่ยังโตไม่เต็มวัย จะมีขนสีส้มกลุ่มเล็กๆที่โคนหู เพศเมียมีเต้านม 3 คู่ที่ส่วนอก และ 3 คู่ที่ส่วนท้องด้านล่าง ตาและใบหูเล็ก ขุดรูอาศัยตามคันนา หรือคันคูคลอง หรือที่ที่มีวัชพืชขึ้นปกคลุม มีกองขุยดินที่ปากรู
ภาพที่ 1 หนูนาใหญ่ Rattus argentiventer (Robinson and Kloss)
ความสำคัญ
เป็นศัตรูของการปลูกข้าวในภาคกลาง และยังเป็นพาหะหรือรังโรคติดต่อสำคัญสู่คนและสัตว์เลี้ยง เช่น กาฬโรค (plague) เลปโตสไปโรซีส (leptospirosis) สครับไทฟัส (scrub typhus) กัดแทะทำลายข้าว และพืชไร่ตั้งแต่ระยะปลูก จนถึงระยะเก็บเกี่ยว ความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากหนูกัดแทะเป็นอาหารและลับฟันแทะ
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
หนูนาเล็ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rattus losea (Swinhoe)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่อสามัญอื่น : หนูนาท้องขาว หนูฝ้าย
หนูนาเล็ก (lesser ricefield rat) มีขนาดเล็กกว่าหนูนาใหญ่ ตัวโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 77- 100 กรัม ขนลำตัวส่วนหลังและตีนหลังมีสีน้ำตาลคล้ำหรือปนดำ นุ่มและไม่มีขนแข็งแทรก หางสั้นกว่าความยาวหัวและลำตัวรวมกัน ขนส่วนท้องมีสีเทาอ่อน เพศเมียมีนม 2 คู่ ที่ส่วนอก และ 3 คู่ที่ส่วนท้อง ตาและใบหูเล็ก (ภาพที่ 1) ขุดรูอาศัยตามคันนา และแปลงปลูกพืช
ความสำคัญ
เป็นศัตรูที่สำคัญของข้าว ธัญพืชเมืองหนาว พบทุกภาคของประเทศแต่พบมากในภาคกลาง ภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังเป็นพาหะหรือรังโรคติดต่อสำคัญสู่คนและสัตว์เลี้ยง เช่น กาฬโรค (plague)
เลปโตสไปโรซีส (leptospirosis) สครับไทฟัส (scrub typhus) กัดแทะทำลายข้าวและพืชไร่ตั้งแต่ระยะปลูก จนถึงระยะเก็บเกี่ยว ความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากหนูกัดแทะเป็นอาหารและลับฟันแทะ
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
หนูท้องขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rattus rattus (Linnaeus)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่อสามัญอื่น : หนูท้องขาวบ้าน หนูหลังคา หนูเรือ
หนูท้องขาว (roof rat, ship rat) มีลักษณะหางยาวกว่าความยาวหัวและรวมกับลำตัว ปีนป่ายได้คล่องแคล่ว
มีความหลากหลายในเรื่องของสีขน ขนด้านท้องสีขาวหรือสีครีม ตาโตและใบหูใหญ่ (ภาพที่ 1) เพศเมียมีเต้านม
2 คู่ ที่ส่วนอก และ 3 คู่ที่ส่วนท้อง (บางแห่ง เพศเมียมีเต้านม 2 คู่ ที่ส่วนอก และ 3 คู่ที่ส่วนท้อง) อาศัยบนต้นไม้ ป่าหญ้า หรือใต้เพดานของอาคาร ถ้าขุดรูลงในดินมักไม่มีกองขุยดินที่ปากรู หรือถ้ามีจะมีน้อยมาก
ภาพที่ 1 หนูท้องขาว Rattus rattus (Linnaeus)
ความสำคัญ
พบทั่วประเทศ เป็นศัตรูของพืชเศรษฐกิจ และยังเป็นพาหะหรือรังโรคติดต่อสู่คนและสัตว์เลี้ยง เช่น
กาฬโรค (plague) สครับไทฟัส (srrub typhus) มิวรีนไทฟัส (murine typhus)ฯลฯ กัดแทะทำลายข้าวและพืชไร่ตั้งแต่ระยะปลูก ไปจนถึงระยะเก็บเกี่ยว สำหรับไม้ยืนต้นอื่น ๆ จะกัดแทะเปลือกลำต้นหรือกิ่ง และส่วนผล
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
สกุลหนูหริ่ง
สกุลหนูหริ่ง เป็นหนูที่มีขนาดเล็กที่สุด น้ำหนักตัวโตเต็มวัยประมาณ 8-20 กรัม หนูสกุลนี้ ขนลำตัวด้านหลังสีเทา ด้านท้องสีขาว หางมี 2 สี ขุดรูอาศัยตามคันนา หรือในแปลงปลูกพืชที่แห้ง และมีหญ้ารก ในหน้าแล้งจะอาศัยอยู่ตามรอยแตกระแหงของดิน เพศเมียมีเต้านม 3 คู่ที่อก และ 2 คู่ที่ท้อง สกุลหนูหริ่งที่สำคัญในประเทศไทย และเป็นศัตรูในนาข้าวที่สำคัญ มี 2 ชนิด คือ หนูหริ่งนาหางยาว และหนูหริ่งนาหางสั้น
หนูหริ่งนาหางยาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mus caroli (Bonhote)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่ออื่นๆ : -
หนูหริ่งนาหางยาว (Ryuku mouse) ฟันแทะ คู่บนจะตั้งฉากกับ palate สีผิวด้านหน้าของฟันแทะคู่บนมีสีแทน หรือน้ำตาลเข้ม มากกว่าหนูหริ่งชนิดอื่นๆ ส่วนฟันแทะคู่ล่างมีสีขาว จมูกสั้น จึงทำให้ส่วนหน้าทู่ หางยาวกว่าความยาวหัวและลำตัวรวมกัน และมี 2 สีชัดเจน คือ สีด้านบนของหางจะมีสีดำ ด้านล่างมีสีขาว ตีนหลังใหญ่และมีสีเทา (ภาพที่ 1) ปีนป่ายได้ดีกว่าหนูหริ่งนาหางสั้น ขุดรูอาศัยตามคันนา หรือที่มีหญ้ารก
ภาพที่ 1 หนูหริ่งนาหางยาว Mus caroli Bonhote
ความสำคัญ
พบในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในประเทศไทย พบเป็นศัตรูสำคัญของข้าว และธัญพืชเมืองหนาว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และข้าวโพด ในยุโรปพบอยู่อาศัยตามบ้านเรือนในเขตชุมชน ในออสเตรเลียพบระบาดมากในไร่ข้าวสาลี และธัญพืช เป็นศัตรูที่สำคัญที่สุดของการผลิตธัญพืชต่างๆ
ที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.
หนูหริ่งนาหางสั้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mus cervicolor (Hodgson)
วงศ์ : Muridae
อันดับย่อย : Myomorpha
อันดับ : Rodentia
ชื่ออื่นๆ -
หนูหริ่งนาหางสั้น (fawn-colored mouse) ฟันแทะคู่บนจะโค้งงอเข้าด้านใน และไม่ตั้งฉากกับเพดานปาก สีของฟันแทะคู่ล่างขาวหรือคล้ำกว่าสีฟันแทะของหนูหริ่งนาหางยาว สีผิวด้านหน้าของฟันแทะคล้ายกับหนูหริ่งนาหางยาว แต่อ่อนกว่ามาก จมูกยาวกว่า ทำให้ส่วนหน้าแหลม ตีนหลังขาว หางมี 2 สี แต่อ่อนกว่าหนูหริ่งนาหางยาว และหางสั้นกว่าความยาวส่วนหัวและลำตัวรวมกัน (ภาพที่ 1)
ภาพที่ 1 หนูหริ่งนาหางสั้น Mus cervicolor (Hodgson)
ความสำคัญ
ในประเทศไทยพบเป็นศัตรูสำคัญของข้าว ธัญพืชเมืองหนาว และพืชไร่ เขตแพร่ กระจาย และความสำคัญในทางเกษตร เช่นกันกับหนูหริ่งนาหางยาวที่มาข้อมูล : กองกีฏและสัตววิทยา, กรมวิชาการเกษตร. 2544. หนูและการป้องกันกำจัด. เอกสารวิชาการกองกีฏ และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร, 136 หน้า.