ข้าวโพดหวาน
ข้าวโพดหวาน
ปริมาณการใช้น้ำ
- 450 – 500 มิลลิเมตร หรือ 720 – 800 ลูกบาศก์เมตร/ไร่/ฤดูกาลผลผลิต
อายุการเก็บเกี่ยว
- เริ่มเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 75 วัน
เงื่อนไขการดำเนินงาน
- ต้องมีตลาดรองรับ
- ต้องมีแหล่งน้ำไว้ใช้เพาะปลูกทั้งปี
- ต้องปลูกอย่างน้อย 5 ไร่ขึ้นไป
- ต้องมีแรงงานในครัวเรือน
ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม
- ปลูกได้ตลอดปี ช่วงปลูกที่ให้ผลผลิตสูง
- ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
- ต้นฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม
การเลือกพื้นที่
- เป็นพื้นที่เขตชลประทาน หรือพื้นที่สามารถให้น้ำได้ตลอดระยะเวลาปลูก
ดินที่เหมาะสม
- ควรเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ดินร่วนเหนียว
ปนทราย ดินควรมีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ระหว่าง 5.5-6.8
การเตรียมดิน
- ไถดะด้วยผาล 3 ตากดินไว้ ประมาณ 5-7 วัน จึงไถแปรด้วยผาล 7 แล้วยกร่องปลูกสูง
25-30 เซนติเมตร
การเตรียมพันธุ์
ควรใช้พันธุ์ลูกผสมเนื่องจากมีลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอ ได้แก่ ขนาดฝัก ความสูงฝัก ความสูงต้น อายุวันออกดอก ต้นเตี้ย รากแข็งแรง ทนทานต่อการหักล้ม ตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยได้ดี และให้ผลผลิตสูงพันธุ์ของทางราชการที่แนะนำ ได้แก่ พันธุ์อินทรี 2 ของศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ รวมทั้งพันธุ์ที่ผลิตโดยภาคเอกชน
การปลูก
ควรปลูกในขณะที่ดินมีความชื้น ไม่แฉะเกินไป จำนวนต้นที่เหมาะสมสำหรับบริโภคฝักสด ประมาณ 8,500 ต้นต่อไร่ หากปลูกเพื่ออุตสาหกรรมแปรรูปประมาณ 8,500-11,000 ต้นต่อไร่ ขึ้นอยู่กับลักษณะประจำพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปลูกแถวเดียว
- ปลูกแถวเดียวให้มีระยะระหว่างร่อง 75 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 25 เซนติเมตร
- ปลูกแถวคู่ให้มีระยะระหว่างร่อง 120 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 25- 30 เซนติเมตร โดยปลูกแบบสลับฟันปลา อัตราเมล็ดพันธุ์ 1-1.5 กิโลกรัมต่อไร่
- ให้น้ำทันทีหลังปลูก
การใส่ปุ๋ย
- ปุ๋ยรองพื้น ในดินร่วน ดินร่วนเหนียวปนทราย การใส่พร้อมปลูกให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 หากเป็นร่วนปนทราย ให้ใส่สูตร 16-20-0 อัตรา 25-50 กิโลกรัมต่อไร่
- ครั้งที่ 1 เมื่ออายุ 20 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โดยโรยข้างแถวแล้วพรวนดินกลบ
- ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 45 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โดยโรยข้างร่องหลังจากให้น้ำแล้ว
การให้น้ำ
- ควรให้ทันทีหลังปลูก การให้น้ำสามารถให้ได้ทั้งแบบตามร่อง หรือแบบพ่นฝอย
- การให้น้ำแบบฝอย ควรให้ทุก 7-10 วัน ตลอดฤดูปลูก
- การให้น้ำตามร่องครั้งแรกเมื่อข้าวโพดอายุ 3 สัปดาห์ หลังจากใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 และพรวนดินพูนโคน การให้น้ำครั้งต่อไปให้สังเกตจากความชื้นของผิวดิน หรืออาการเหี่ยวชั่วคราวของใบข้าวโพดในช่วงเวลาบ่าย วิธีการให้น้ำโดยปล่อยไปตามร่อง หากเป็นสภาพดินเหนียวไม่ควรให้น้ำแบบปล่อยท่วมแปลง เพราะจะทำให้ดินอัดตัวกันแน่นยิ่งขึ้น
- หากขาดน้ำในช่วงออกดอกหรือผสมเกสรจะทำให้ผลผลิตลดลง ขาดคุณภาพ และควรหยุดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยว 2-3 วัน
การเก็บเกี่ยว
- ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม
- 18-20 วันหลังข้าวโพดออกไหม 50 เปอร์เซ็นต์
- สีของไหมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
- เมื่อใช้มือบีบที่ปลายฝักจะยุบตัวง่าย
- เมื่อฉีกเปลือกข้าวโพดออก เมล็ดจะมีสีเหลืองอ่อน หากใช้เล็บกดที่เมล็ดปลายฝักจะมีน้ำนมไหลออกมา แสดงว่าอีกสองวันสามารถเก็บเกี่ยวได้
วิธีการเก็บเกี่ยว
- ใช้แรงงานคน
ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนข้าวโพดหวาน
การตลาด
- เกษตรกรที่ผลิตส่งโรงงานจะดำเนินการในรูปเกษตรพันธะสัญญา
การเพิ่มมูลค่าผลผลิต
- ฝักที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ได้ขนาดสามารถรูปเป็นน้ำนมข้าวโพด
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- กลุ่มส่งเสริมพืชไร่อุตสาหกรรม สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร
โทรศัพท์ 0 2940-6124 โทรสาร 0 2940 6100 - สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่