การจัดการดินและปุ๋ยในนาข้าว

การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ปริมาณการใช้น้ำ

  • 450 – 500 มิลลิเมตร หรือ 720 – 800 ลูกบาศก์เมตร/ไร่/ฤดูกาลผลผลิต

 

เงื่อนไขในการดำเนินงาน

  • ต้องมีตลาดรับรอง
  • มีแหล่งรับซื้อที่เป็นสหกรณ์และภาคเอกชน
  • ควรปลูกให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม เพื่อไม่ให้กระทบแล้งในช่วงออกดอก ผสมเกสร

 

ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม

  • เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม

 

การเลือกพื้นที่

  • เป็นพื้นที่เขตชลประทาน หรือพื้นที่สามารถให้น้ำได้ตลอดระยะเวลาปลูก

 

ดินที่เหมาะสม

  • ควรเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ดินร่วนเหนียว หรือ

ดินร่วนทราย ควรหลีกเลี่ยงดินเหนียวจัด และควรให้สำนักงานเกษตรอำเภอตรวจสอบชุดดิน/แผนที่ดินว่ามีความเหมาะกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือไม่ และดินควรมีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) มากกว่า 5.5

 

การเตรียมดิน

  • ไถดะด้วยผาล 3 หลังเก็บเกี่ยวข้าว ตากดินไว้ ประมาณ 5-7 วัน จึงไถแปรพร้อมคราด   2-3 ครั้ง เพื่อย่อยดินและให้ดินเก็บความชื้น ไม่ควรเผาหญ้าหรือฟางข้าวในแปลงนาก่อนปลูกเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าแปลงนามีขนาดใหญ่และมีดินเป็นดินเหนียวควรทำร่องน้ำระหว่างแปลงเพื่อสะดวกต่อการส่งน้ำเข้าและระบายน้ำออกจากแปลง ความกว้างของร่องน้ำประมาณ 0.75-1เมตร

 

การเตรียมพันธุ์

  • ควรใช้พันธุ์ลูกผสมเดี่ยวเนื่องจากมีลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอ ได้แก่ ขนาดฝัก ความสูงฝัก ความสูงต้น อายุวันออกดอก ต้นเตี้ย รากแข็งแรง ทนทานต่อการหักล้ม ตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยได้ดีและให้ผลผลิตสูง พันธุ์ของทางราชการที่แนะนำ ได้แก่ พันธุ์นครสวรรค์3 ของกรมวิชาการเกษตร พันธุ์สุวรรณ 4452 ของศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ รวมทั้งพันธุ์ที่ผลิตโดยภาคเอกชน

 

การปลูก

  • ควรปลูกในขณะที่ดินมีความชื้น ไม่แฉะเกินไป ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ ระยะระหว่าง

แถว 70-75 เซนติเมตร ระหว่างหลุม 20 เซนติเมตร จำนวน 1 เมล็ดต่อหลุม อัตราเมล็ดพันธุ์ 2.5-3 กิโลกรัมต่อไร่ จะได้จำนวน 10,666 - 11,428 ต้นต่อไร่ และควรปลูกซ่อมให้แล้วเสร็จภายใน 7-10 วัน

 

การใส่ปุ๋ย

  • ปุ๋ยรองพื้นใส่พร้อมปลูก สูตร 15-15-15 , 16-16-8 , 16-8-8 , 20-10-5 อัตราตามค่าวิเคราะห์ดิน
  • ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 ใส่เมื่อข้าวโพดอายุ 3 สัปดาห์หลังปลูก ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 (ยูเรีย) อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมกับดายหญ้าพูนโคนและให้น้ำไปตามร่อง
  • ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดอายุ 7-8 สัปดาห์หลังปลูก เป็นระยะเริ่มออกไหม และช่อดอกตัวผู้ ซึ่งต้องการความชื้น และธาตุอาหารอย่างเพียงพอ ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 (ยูเรีย) อัตรา 10 กิโลกรัม  ต่อไร่ โดยโรยข้างร่องหลังจากให้น้ำแล้ว

 

การให้น้ำ

  • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้องการน้ำตลอดฤดูปลูกประมาณ 450-500 มิลลิเมตร หรือ 720 - 800 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ การให้น้ำครั้งแรกควรให้เมื่อข้าวโพดอายุ 3 สัปดาห์ หลังจากใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 การให้น้ำครั้งต่อไปให้สังเกตจากความชื้นของผิวดิน หรืออาการเหี่ยวชั่วคราวของใบข้าวโพดในช่วงเวลาบ่าย วิธีการให้น้ำโดยปล่อยไปตามร่อง หากเป็นสภาพดินเหนียวไม่ควรให้น้ำแบบปล่อยท่วมแปลง เพราะจะทำให้ดินอัดตัวกันแน่นยิ่งขึ้น

 

การเก็บเกี่ยว

  • ควรเก็บเกี่ยวเมื่อข้าวโพดแก่จัดและแห้งสนิท อายุ 110-120 วันขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ หรือสังเกตจากใบและลำต้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีฟางข้าวทั้งแปลง และควรตาก 1-2 แดด ก่อนกะเทาะเมล็ดจำหน่าย

 

วิธีการเก็บเกี่ยว

  • ใช้แรงงานคน หรือใช้เครื่องจักร

 

ข้อจำกัดของการปลูกข้าวโพดสัตว์หลังนา

  • หลีกเลี่ยงดินเหนียวจัด
  • หลีกเลี่ยงดินกรดถึงกรดจัด (pH ต่ำกว่า 5.0)
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่ต่ำและที่น้ำท่วมขัง
  • หลีกเลี่ยงการปลูกล่าช้ากว่าเดือนธันวาคม

 

ข้อควรระวังการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา

     หนู จะระบาดรุนแรงในช่วงฤดูแล้งมักเข้ากัดกินทำลายลำต้นและฝักข้าวโพด เนื่องจากไม่มีพืชอาหารชนิดอื่น ดังนั้นเกษตรกรควรร่วมกันกำจัดหนูในพื้นที่พร้อม ๆ กันเป็นบริเวณกว้างก่อนการปลูกข้าวโพด

 

 

วิธีการป้องกำจัดโดยกำจัดวัชพืชบนคันนา

       หรือใช้วิธีกลร่วมกับการใช้สารพิษ ซิงค์ฟอสไฟด์ ซึ่งออกฤทธิ์เร็ว สลับกับโฟลคูมาเฟน เหยื่อพิษสำเร็จรูปประเภทออกฤทธิ์ช้า

 

 

ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา

 

การตลาด

  • เกษตรกรที่ผลิตส่งโรงงานผลิตอาหารสัตว์

 

การเพิ่มมูลค่าผลผลิต

  • ร้อยละ 90 ใช้ข้าวโพดเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์

 

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • กลุ่มส่งเสริมพืชไร่อุตสาหกรรม สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร

           โทรศัพท์ 0 2940-6124 โทรสาร 0 2940 6100

  • สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่